ผลสำรวจชี้คนไทยมองคาสิโนเป็นส่วนสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ศูนย์รวมความบันเทิงในอนาคต

เขียนโดย Jenny Ortiz-Bolivar
แปลโดย Mungkorn Grixti

ประชาชนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าคาสิโนเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความสำเร็จของร่างพระราชบัญญัติศูนย์รวมความบันเทิง ตามผลสำรวจล่าสุดของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 

ผลการสำรวจพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 45.73 ไม่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับข่าวสารเกี่ยวกับคาสิโนหรือสถานบันเทิงครบวงจร ในขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 27.24 กล่าวว่าพวกเขาให้ความสำคัญทั้งสองประเด็นเท่าๆ กัน และร้อยละ 19.47 ให้ความสำคัญกับสถานบันเทิงครบวงจรมากกว่า มีเพียงร้อยละ 7.56 เท่านั้นที่แสดงความสนใจเฉพาะเจาะจงในองค์ประกอบของคาสิโนเพียงอย่างเดียว 

การสำรวจดังกล่าวดำเนินการระหว่างวันที่ 21 ถึง 23 เมษายน 2025 จากผู้ตอบแบบสอบถามอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,310 คนทั่วประเทศไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ระบุว่า การสำรวจครั้งนี้ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบความน่าจะเป็น โดยมีระดับความเชื่อมั่น 97.0 เปอร์เซ็นต์ และค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 

บทบัญญัติคาสิโนถูกมองว่ามีความสำคัญต่อการผ่านร่างกฎหมาย 

เมื่อถามว่าร่าง พ.ร.บ.ศูนย์รวมความบันเทิง จะผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ หากตัดองค์ประกอบคาสิโนออกไป ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 46.18 ระบุว่าไม่ผ่าน ส่วนที่เหลือร้อยละ 32.67 เชื่อว่าร่างกฎหมายยังผ่านได้ ขณะที่ร้อยละ 19.01 คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเสนอร่างกฎหมายนี้เลยหากไม่รวมคาสิโน มีเพียงร้อยละ 2.14 เท่านั้นที่ไม่สนใจหรือไม่ตอบคำถาม 

ผลสำรวจของสถาบัน NIDA ระบุว่า “ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งหนึ่งเชื่อว่าร่างกฎหมายศูนย์รวมความบันเทิงจะไม่ผ่านหากไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับคาสิโน” ซึ่งตอกย้ำการรับรู้ของประชาชนว่าคาสิโนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกฎหมายนี้มีความยั่งยืน แม้ว่านักการเมืองบางคนจะพยายามแยกประเด็นทั้งสองออกจากกัน

การสำรวจดังกล่าวเป็นผลมาจากการตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลที่จะชะลอการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านรัฐสภา หลังจากเผชิญกับการคัดค้านจากกลุ่มต่างๆ 

การตอบสนองของประชาชนต่อจุดยืนต่อต้านคาสิโน 

ประชาชนยังคงมีความเห็นแตกแยกเกี่ยวกับคำประกาศของนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่ว่าพรรคจะไม่มีวันเห็นด้วยกับบ่อนกาสิโน โดยผลสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 35.80 ระบุว่าคำประกาศของนายไชยชนกถูกต้อง ในทางตรงกันข้าม ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 29.08 มองว่าคำประกาศดังกล่าวเป็นเพียงการต่อรองทางการเมือง และร้อยละ 27.63 มองว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่เป็นการสะท้อนจุดยืนอย่างเป็นทางการของพรรคภูมิใจไทย 

ขณะที่ร้อยละ 22.44 เชื่อว่าความเห็นของนายชัยชนกเป็นการตอบสนองต่อความรู้สึกของประชาชน แต่คาดว่าในที่สุดเขาจะต้องเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพรรค ส่วนอีกร้อยละ 20.38 เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย ที่เป็นรัฐบาลอยู่จะประสบความสำเร็จในการผลักดันให้สร้างศูนย์รวมความบันเทิงเต็มรูปแบบ รวมถึงคาสิโน 

คาดว่าความตึงเครียดทางการเมืองจะเพิ่มมากขึ้น 

ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงความคาดหวังของประชาชนต่อความตึงเครียดทางการเมืองที่เกิดจากการดีเบตเรื่องคาสิโน โดยผู้ตอบแบบสอบถามประมาณร้อยละ 10.84 เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยอาจเกิดความแตกแยกภายใน ขณะที่ร้อยละ 9.39 คิดว่าอาจนำไปสู่การแตกแยกระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย และอีกร้อยละ 6.72 ระบุว่ามีแนวโน้มสูงที่พรรคภูมิใจไทยจะถูกปลดออกจากการเป็นรัฐบาลผสม 

ในขณะเดียวกัน ร้อยละ 13.59 เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะต้องยอมจำนนต่อพรรคเพื่อไทยในที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 4.50 เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยอาจเป็นฝ่ายยอมจำนน มีเพียงร้อยละ 5.95 เท่านั้นที่มองว่าการประกาศต่อต้านคาสิโนของนายชัยชนกเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด